Sunday, February 24, 2013

Preparing for the freezing cold ☃

หลายๆคนถามเมย์เข้ามาเยอะค่ะ เกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัว
เสื้อผ้าที่ใช้ในที่ที่อากาศหนาวมากกกกก ก่อนหน้าที่จะเดินทาง
ไปฮอกไกโด เมย์เองก็ค้นข้อมูลเยอะมาก ถามทั้งเพื่อนที่เคยอยู่
ถามเพื่อนญี่ปุ่น ถามเพื่อนที่ไปเที่ยวเกาหลี ทุกคนก็มีข้อมูลที่
เหมือนกันบ้างต่างกันบ้าง ประเด็นอยู่ตรงนี้ค่ะ..

คือไอ้พวกเสื้อผ้า รองเท้า ถุงมือ ต่างๆที่มันกันหนาว และเอาอยู่เนี่ย

มันไม่สวยเลยค่ะ ใส่แล้วแบบ.. มันไม่แฟชั่นนนน คือเมย์ก็ไม่ใช่คน
แต่งตัวดีเด่อะไรหรอกค่ะ แต่ว่าก็ไม่อยากดูหนาวแบบนั้น
(จริงๆมีคำเปรียบเทียบที่ทุกคนเห็นภาพ แต่เกรงว่าจะเป็นการ
บาดหมางระหว่างชาติ) นั่นแหละค่ะ เมย์เริ่มต้นหาเสื้อกันหนาว
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ดูแล้ววดูอีก หาแล้วหาอีก

มาจบที่ีเสื้อกันหนาว Duck Down ของ Zara ค่ะ

หนีไม่พ้นเสื้อบวมๆอยู่ดี แต่ถึงจะบวมก็ขอบวมสวยๆหน่อยละกัน
ครั้นจะให้ไปใส่เป็นโค้ทยาวก็กลัวว่าจะเป็นเพนกวิน ตัวยิ่งเตี้ยๆอยู่ด้วย
เป็นตัวนี้ค่ะ ราคาก็ค่อนข้างไม่ถูก ราคาซาร่าหนะค่ะ -.-''





















ส่วนหมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ เมย์ก็เอาไปแบบจัดเต็ม ทั้งแบบ

ดูแล้วกันหนาวดี๊ดี และแบบแฟชั่น หมวกนี่เปลี่ยนกันทุกวันเลยค่ะ แหะๆ





















มาที่เรื่องของรองเท้าบ้างนะคะ ตอนแรกกะว่าจะเอาบู๊ทมือสอง

ราคาสามร้อยบาทไป แต่.. พื้นมันเรียบมาก คงลื่นหิมะหัวฟาด
ตายอยู่ที่นู่นแหงๆ ก็เลยยอมลงทุนค่ะ คือรองเท้ามันก็มีกหลายแบบ
สิ่งที่เราควรคำนึงถึงคือมันอุ่นพอมั้ย มันยึดเกาะดีหรือเปล่า
อย่างที่อุ่นแท้แน่นอนก็พวก UGG หนะค่ะ เป็นรองเท้าเพื่อ
อากาศหนาวโดยเฉพาะ แต่.. มันไม่ใช่สไตล์การแต่งตัวของเมย์

เมย์จึงเลือก.. แท่นแท้นแท๊นนนน Timberland ราคาก็ Timberland 

เลยค่ะ ไม่ถูกๆ แต่ว่าคุ้มนะ (คือคิดว่าคุ้มก็คุ้ม แค่เอามาใส่ให้คุ้ม)

















ที่เลือกสีแดงเพราะจะได้เข้ากับเสื้อค่ะ แล้วก็เลยคิดว่า..

เอามันไปคู่เดียวนี่แหละ เสื้อตัวเดียวด้วย เปลี่ยนหมวกเอาละกัน

















นี่เป็นพื้นรองเท้าค่ะ เห็นขนาดนี้ยังมีลื่นเลยนะคะ เพราะฉะนั้น

ใครอยากสวยจิกบู้ทงามๆละก็.. ขอเตือนว่าโน้โนค่ะ
ถุงเท้าขอแนะนำว่า ไปซื้อ Heat tech เลยค่ะ เป็น wool ก็เอาไม่อยู่
แถมหนาเดินยากอีกต่างหาก : ( 

ทีนี้มาดูที่เสื้อผ้าด้านในกันบ้างนะคะ การใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้น

ไม่ใช่เรื่องลำบากอีกต่อไป เมื่อก่อนหลายๆคนจะนึกถึง
Long jonh จริงค่ะ มันกันหนาวจริงๆ แต่มันหนาเพราะฉะนั้น
ขอแนะนำ (หลายคนรู้จักแล้ว) ..

Heat Tech ค่ะ เป็นนวัตกรรมใหม่ ของญี่ปุ่นเค้า 

จริงๆแล้วมีต้นกำเนิดที่นิวซีแลนด์ แต่พี่ยุ่นเค้าฉลาด นำมาใช้ 
มาผลิต ดัดแปลง จนโด่งดัง ที่โด่งดังนี่ก็เพราะเสื้อผ้าผลิตจาก
เส้นไยถักทอมาเป็นพิเศษ มีส่วนผสมของผ้าเรยองที่ดูดความชื้น
จากเราแล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนให้กับผู้สวมใส่ 
ความพิเศษก็คือมันบางและใส่สบายมากๆ และขอคอนเฟิร์มว่ามัน
เอาอยู่จริงๆ (ทั้งนี้เมใส่ 3 ชั้นนะคะ) สังเกตที่สัญลักษณ์นี้ค่ะ










สามารถหาซื้อได้ตามร้าน Uniqlo เลยค่ะ แต่ว่าช่วงนี้

อาจจะไม่มีแล้ว ต้องดูดีดีนะคะ เพราะตอนนี้ รูปร่างเหมือนกัน
แต่คนละนวัตกรรมค่ะ มันเป็นแบบ Air เน้นอากาศถ่ายเท
ใส่แล้วเย็นสบาย อันนั้นใส่กี่ชั้นก็หนาวค่ะ เหอๆ

Heat tech เค้ามีแบบกางเกงเหมือนกันค่ะ บางกว่าเยอะแถม

ใส่สบายกว่า ลองหาซื้อดู ไม่แปลกใจเลยที่ Heat tech เป็นที่นิยม
เพราะมันทำให้เราแต่งตัวได้มากขึ้น หมายถึง ถ้าใส่อะไรหนาๆ
เหมือนเมื่อก่อน อยากจะใส่เสื้อสวยๆด้านนอกก็คงลำบาก
ถ้าเป็นคนขี้หนาวมาก ก็ใส่สองชั้น แล้วตามด้วยกางเกงยีนส์ก็ได้ค่ะ

จริงๆ Heat tech มันมีทุกสิ่งที่กันหนาวเลย เลือกซื้อเอาเลยค่ะ 

ราคาก็ตั้งแต่ 300 - 500 บาท ประมาณนี้ค่ะ 

ในเรื่องของถุงมือ หมวก และที่ปิดหูก็สำคัญนะคะ 






















หมวกอยากเอาแบบไหนไปก็เลือกเลยค่ะ ตอนนี้ก็กำลังฮิต

หมวกไหมพรม มีหู มีหาง ตามศรัทธาเลยค่ะ เมย์เอาไปเปลี่ยนทุกวันเลย

ที่ปิดหูค่ะ มีหลายแบบ บางทีแบบที่เป็นคาดๆหัวอาจจะแน่น

ลคาดไปทั้งวันอาจจะปวดหัวได้ เดี๋ยวนี้เค้ามีแบบที่มันหนีบ
แก๊บๆ ติดกับหูเลย สะดวกดีนะคะ กันหนาวได้เหมือนกัน
ลองหาดูตามเวปเกาหลี แล้วพรีออเดอร์เอานะคะ เช่น dahong.co.kr






















มือนี่เป็นอะไรที่สำคัญมาก ซึ่งก็พูดยากค่ะ ว่าอันไหน

กันหนาวได้จริงๆ ที่เมย์เอาไป มักจะสวยแต่รูป จูบไม่หอม 
บางคู่กดไอโฟนได้ แต่ก็.. ถอดดีกว่ามั้ย แกไม่ได้ช่วยฉัน
กันหนาวเลย หรือบางคู่กันหนาว แต่ไม่กันน้ำ 
เปียกซะจนเย็นไปหมด ถ้าจะเอากันหนาวจริงๆ ก็คงเป็น 
The North Face หรือ Columbia อะไรทำนองนั้น
จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยคือ Kairo !

















เป็นแผ่นแปะให้ความร้อนค่ะ มีส่วนประกอบของสารที่

บอกว่าปลอดภัย เมื่อเราแกะถุงออกมา ตบๆหรือขยี้ๆ
เร่งปฏิกิริยาของมันซักหน่อยค่ะ เพื่อให้มันเกิดความร้อน 
จากนั้น ก็เอาไปแปะๆไว้ตามเสื้อผ้าด้านในของเรา
แผ่นร้อนจะให้ความร้อนสูงถึง.. ประมาณ 40-50 องศา
เราเอาซุกไว้ตามกระเป๋า ก็ได้ค่ะ ถ้าหนาวก็เอามือล้วงเข้าไป
ช่วยได้เยอะค่ะ แต่ว่าห้ามแปะที่ผิวหนังโดยตรงนะคะ อาจจะไหม้ได้

นี่เป็นคำแนะนำคร่าวๆของเมย์สำหรับเรื่องการแต่งตัว

จากประสบการณ์ที่ไปเที่ยวฮอกไกโดมาค่ะ ถ้ามีคำถาม
ถามได้เลยพร้อมตอบค่ะ : )

ต่อไปนี่ใส่รูปตัวอย่างการแต่งตัวมาให้ได้ดูกันนะคะ



ที่เห็นด้านบนนี่คือวันแรกนะคะ ยังใส่ถุงเท้า wool อยู่
ซึ่ง.. หนาซะเปล่า โถ่เอ้ยยย



ทุกวันเมย์จะใส่ Heat tech ด้านใน 3 ตัวค่ะ ตามด้วย Jumpers
หรือ Sweater อีชั้น ก่อนจะใส่ down jacket 
แล้วก็หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ส่วนกางเกงนะคะ
ฮีทเทค 1 ตัว ตามด้วยยีนส์เลยค่ะ และถุงเท้าใส่ก่อน 1 ชั้น
ที่เป็นแบบ Heat tech เลยค่ะ ตามด้วยดึงเลกกิ้ง heat tech
ลงมาคลุมปลายเท้า (ขามันสั้น) แล้วตามด้วยถุงเท้า
Heat tech อีก 1 ชั้น.. ใส่รองเท้า แล้วออกจากบ้านได้ เฮ้ออออ

Monday, October 1, 2012

Singapore Airline Recruitment

สวัสดีสาวๆที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนางฟ้าทุกท่าน
ขอรายงานตัวก่อนเลยนะฮ๊าบ ว่าเมย์เองเป็นหนึ่งในนั้น ฮิฮิ
และในบล๊อคนี้ เมย์จะมาแชร์ประสบการณ์การ Walk in 
ไปสมัคร Singapore Airline แบบงงๆของเมย์ที่ Singapore ค่ะ

เมื่อช่วงวันที่ 21-23 มีโอกาสได้เดินทางไปทำธุระที่สิงคโปร์
เลยถือโอกาสใช่เวลาว่่างช่วงเช้า ไปแอบสมัครซะเลย
(จริงๆตั้งใจไปสมัครก็บอกมาเหอะ แหะๆ) แต่เป้าหมายหลัก
คือทำธุระ จริงๆนะ จริงๆๆ 

วิธีการสมัคร หรือ Walk in ที่หลายๆคนเรียกก็ง่ายดาย
สะดวกสบายเหมือนไปพารากอนเลยค่ะ เผลอๆ พารากอน
ไปยากกว่า ไหนจะไปรถไฟฟ้า หรือบาางคนก็ต้องต่อสู้หาที่จอดรถ

การรับสมัครมีสองวันนะค่ะ นี่คือรวมขั้นตอนทั้งหมดไปจนถึงลองชุด : )
ยาวหน่อย ลองอ่านกันดูนะคะ

22 กันยายน : 8.30 - 14.00

สถานที่คือ Sheraton Tower Hotel ตั้งอยู่บนถนน Scotts ค่ะ โชคดีมาก
ที่โรงแรมที่เมย์ไปพักก็อยู่บนถนนนี้ จริงๆถ้าเดิน 5 นาทีก็ถึง แต่..
อย่าเสี่ยงกับอากาศที่นี่เลย ไม่ต่างอะไรกับที่ไทย ร้อนพอๆกัน

การแต่งตัวไม่ต้องเอาแป๊ะมากก็ได้ค่ะ เอาแบบเรียบร้อยไปสมัครงาน
ก็พอแล้ว แต่ใครใคร่จะแต่งเต็มไปก็ย่อมได้ เพื่อระบุตัวตนว่าเป็นคนไทย
(คือคนไทยร้อยทั้งร้อย ผมเป๊ะหน้าเป๊ะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะ เห็นผ่านกันหลายราย)
สำหรับเมย์เอาเชิ้ตขาวจาก Uniqlo และกระโปรงดำมือสอง และรองเท้า
ที่ใส่ตอนรับปริญญาไป ขอสารภาพว่ารู้ว่าจะมีการรับสมัคร 
แต่ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไป คือคิดว่าถ้าตื่นทันก็จะไป.. 
แล้วมันดันตื่นมาตอน 7 โมง ทันพอดี ไหนๆก็ตื่นแล้ว
อาบน้ำแต่งตัวเลยละกัน แหะๆ 
ส่วนผมไม่ได้มวยองุ่น มวยกล้วย มวยแอปเปิ้ลอะไรเลยค่ะ 
รวบหางม้า ติดกิ๊บข้างหน้าให้ผมไม่รุงรังเท่านั้นเองค่ะ

ไปถึง bell boy ข้างหน้าก็แนะนำว่าให้ไปทางไหน จากจุดนี้เราเจอคนไทยแล้ว
แต่ก็ผ่านเลยไป ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรืออะไร แต่อยากรีบสมัครให้เสร็จ
จะได้รู้ผลว่าผ่านไม่ผ่าน คนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวค่ะ 
ย้อนกลับไปหน่อยนะคะ ถ้าบอกว่าเมย์แต่งตัวธรรมดามาก 
ไม่มีสูท ไม่มวยผลเกล้าผม ขอให้มาเห็นภาพประชาชีที่นี่ 
แม่เจ้าโว้ยยยยย ชิลไปนะ บางคนรองเท้าไม่มีส้น บางคนสูงเป็นคืบ 
บางคนก็กางเกงมาเลย แม่เจ้าโว้ย นึกว่ามาสยาม (แต่แฟชั่นบ้านเราชนะขาดนะ)

ก็ต่อแถวรอยื่นใบสมัครค่ะ ดาวน์โหลดและกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย
พร้อมกับ.. ตอนนั้นแมย์ติดสำเนา Passport กับ ใบปริญญาไปด้วย
พร้อมกับรูปขนาด Passport ไม่มีอะไรมาก ไม่ได้แปลอะไรไปเลย

ระหว่างที่เรารอเข้าแถวก็จะมีคุณพี่มารับใบสมัครไป 
แล้วก็เอาหมายเลขมาให้เรา จากนั้นก็จะต้อนเราเข้าไปนั่งฟัง
presentation ของสายการบินซึ่ง.. เค้าไม่ได้ฟังอะตัวเธอ 
มัวแต่คุยกับเพื่อนใหม่ ได้เพื่อนใหม่เยอะมาก ขอบอกว่าสนุกจริงๆ 
การได้คุยกับคนที่มีความฝันเหมือนเรา เป็นประสบการณ์ที่ดีเลยละค่ะ

จากนั้นก็จะเข้าไปแนะนำตัวต่อกรรมการ เป็นกลุ่ม กลุ่มละ 10 คน
คนแรก.. คุณพร๊ะ !!! คนแรกของกลุ่มเมย์เหมือนสุนทรพจน์
นางเล่าขานชีวิตนางเป็นฉากๆ ตอนนั้นในใจคิดว่า.. "เรือหาย" แล้วตู
แล้วพอคนแรกมาเต็มขนาดนั้น ทุกคนเลยเต็มหมด.. จะเป็นลมค่าาา
มีอะไรใส่ให้หมดนะคะช่วงนี้ เป็นโอกาสเดียวของเราละค่ะจุดจุดนี้

พอครบทุกคนเค้าก็จะให้เรามารอเพื่อเรียกว่าใครผ่านไปอีกบ้าง 
แล้วก็พาเราเดินเข้าไปขั้นตอน เอื้อมแตะ สบายๆ เมย์สูง 158 159 160
คือวัดแต่ละที่ไม่เท่ากัน เผื่อใครอยู่ในระดับความสูงใกล้เคียง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การฝึกฝนความยืดหยุ่นของร่างกาย ช่วยได้นะคะ
แต่ไม่ใช่ว่าไปสมัครพรุ่งนี้ ฝึกวันนี้นะ อันนี้คงไม่ช่วยเท่าไหร่

จากนั้นก็จะไปตรวจเอกสาร ขอดูปริญญา ถ้าใครขาดอะไรยังไง
เค้าก็จะเตือนๆไว้ แล้วค่อยเอามาให้เค้าถ้าผ่านค่ะ

จากนั้นพี่สาวคนสวบก็จะมาพาเราไป.. Skin Check !!!
What the heck มันมีอะไรแบบนี้ด้วยหรือ ??!! ในห้องจะมี
กรรมการอยู่ประมาณสองสามคนค่ะ มีไฟสปอทไลท์สว่างๆ
เราต้องไปยืน ณ จุดจุดนั้น ให้ไฟส่องหน้า ลองนึกดูนะคะ
ไฟส่องมาจากด้านล่าง ถ้าไฟสีเขียวละก็.. น่ากลัวไม่เบา
ดคเาจะดูหน้าเรา มีสิว ผด ผื่น ตรงไหน หันซ่้าย หันขวา เปิดไรผม
ดูทั่วทั้งหน้า ให้หันหลัง เปิดดูต้นคอ ส่องหลังนิดหน่อย
ซึ่งเมย์ไม่ได้หน้าใสคะ มีผดผื่นอยู่บางๆ แต่แต่งหน้าปิดไปหน่อย
ส่วนคอก็ถูกขี้ไคลกันไป และหลังก็มีรอบดำจากสิวอยู่.. 
ท้ายสุดก็จะให้เดินให้ดู ไม่ต้องสับขาหลอกแบบนางแบบนะคะ
เอาแบบเดินสง่าๆก็พอ เดินสบายๆ แต่ก็ไม่ต้องถึงขั้นลากเท้า 
แล้วก็มารอหน้าห้อง พี่สาวก็จะมาบอกว่าเรา ผ่านไม่ผ่าน ซึ่ง.. ผ่านคะ !! 

ขั้นสุดท้ายของวันนี้ คือ Interview เดี่ยวค่ะ 
เค้าก็จะพูดคุยกับหน้าที่การงาน ชีวิตปัจจุบันของเรา พร้อมกับให้สถาณการณ์
จำลองที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินมาให้เราอ่านออกเสียงด้วย ก็มีคำถามต่อ
เมย์ได้เรื่องประมาณว่า เป็น Royal customer แต่อยากจะอัพเกรดอาหาร
แล้วก็บ่นว่าการบริการของเราแย่มาก ช้ามาก เราจะทำยังไง
ซึ่งเมย์ตอบไปว่าเรื่องอัพเกรดอาหาร คงทำให้ไม่ได้ เพราะการกระทำแบบนั้น
อาจทำให้ผู้โดยสารคนอื่นๆเรียกร้องบ้าง หรืออาจจะดูถูกว่าเราเลือกปฏิบัติ
ทางแก้ไขคือ เราก็บริการเค้าให้ดีที่สุด แสดงความใส่ใจ หาเครื่องดื่ม
หรือไวน์มาบริการเค้า ซึ่ง.. ไม่รู้ถูกหรือเปล่า เค้ามีคอมเม้นต์นะ แต่.. 
ฟังไม่ค่อยออก.. ก็ไม่ได้เกิดมาพูดเป็นภาษาแม่ และสำเนียงในลำคอของพี่
ทำน้องชอกช้ำนัก ได้แต่ยิ้ม แล้วพยักหน้าไปเรื่อย -..-

แล้วก็ออกมานั่งรอค่ะ สำหรับคนที่ผ่าน ก็จะมีใบนัดมาให้มาในวันพรุ่งนี้ค่ะ
แล้วเมย์ก็ได้ด้วยล่ะ : )

23 กันยายน : 9.00 SIA Training Center

รู้ตัวตอนค่ำว่าพรุ่งนี้ไม่ใช่ที่โรงแรมแล้ว และต้องไป 9 โมง 
และที่ที่จะไปอยู่เกือบถึงสนามบินแหนะ โอยยย เป็นลม 
ออกตัวก่อนว่าความทรงจำวันนี้ ไม่ค่อยมีเลยค่ะ นอนตี 4 ตื่น 6 โมงครึ่ง 
นั่งรถไฟไปเจอเพื่อน เพื่อขึ้นแท็กซี่ไปด้วยกัน ง่วงมาก ส่องกระจกนี่คือ
ตาแดงมากๆ ไม่พร้อมมากๆ สาวๆต้องเตรียมความพร้อมนะคะ
พักผ่อนกันเยอะๆ 

ไปถึง SIA Training center แบบงงๆ แลกบัตรแล้วเข้าไปข้างใน 
อ่อเค้าจะมีใบสมัครให้กรอกด้วยค่ะ ให้มาเมื่อวาน เพิ่งมากรอกเอา
วันนี้ ชุดก็ชุดเดิม ผมเดิม คือมานั่งนึกตอนนี้แล้วโกรธตัวเองมาก
ทำไมไม่ทำตัวให้พร้อม เฮ้อออ บทเรียนนะ บทเรียน...

จากนั้นก็จะเรียกทีละ 6 คน ให้เรานั่งทำความรู้จักกัน เมื่อเข้าไปในห้อง
เค้าเรียกกันว่าเป็นรอบ Debate เค้าก็จะให้เราแนะนำเพื่อนข้างๆ 
โห่.. มึนตึ๊บ จำไรแถบไม่ได้ นี่ละหนอ ผลของการนอนน้อย >.<
เอาละพลาดไปละ 1 พอมาให้แบ่งกลุ่ม Debate เหมือนกับเราพูดคุยกัน
แต่ตอนเริ่มพูด ไม่ได้ตกลงกันว่าใครจะพูดสาเหตุไหน หัวข้อไหน และคนแรก
มาฟาดเหตุผลเราไปด้วย เหมือนพูดรวมๆ พอมาถึงเรา ดับค่ะ
เมย์พูดวนไปวนมา เหมือนรวมสองคนเข้าด้วยกัน ซึ่ง.. พูดได้ว่าแย่จริงๆ

และก็ตกที่รอบนี้เอง ไม่เสียใจค่ะ แต่เสียดายที่ตัวเราไม่พร้อม
เฮ้ออ อดลอง Kabaya เลย แย่จัง คราวหน้า 1 ธันวา ใครจะไปอีก 
บอกหน่อยนะคะ เผื่อจะไปด้วยคน ฮิฮิ

จะว่าอดหลับอดนอน ตั้งใจว่ากลับโรงแรมแล้วจะนอน เปล่าเลย
ไปดู F1 ซ้อมวิ่ง น้ำหูน้ำตาไหล ดีใจที่ได้เห็น จนลืมว่าเมื่อเช้ามึนแค่ไหน
ทำไมมันไม่ไปวิ่งแถวๆ SIA Training Center บ้างนะ หึยยยยยย

เตรียมตัวให้พร้อม คือสิ่งเดียวที่จำเป็นค่ะ

ลาละคะ : )

ปล.ระหว่างนี้กก็ฝากติดตามละคร ซิทคอม และรายการต่างๆของเมย์ด้วยนะคะ :D





Monday, April 11, 2011

SWEETs

That's why I'm Still FAT
































































all cup cakes from "EAT UP CUPCAKE"



Wednesday, January 26, 2011

HUAHIN TRIP

Last weekend i drove from BKK to Huahin by myself
it took 2 hours and a half to get there
actually it's must be only 2
hours to get there
but i went there by my dad's little white Daihatsu
couldn't drive more than 100 km/hr

i met two of my friends there Wan and Belle
we stayed at The Sea Cret
it's a small boutique hotel in Huahin
but i didn't like it that much
the room was too small and too damn expensive !
anyway we couldn't change it so we had to faced it -_-"

we went to Baan-Klai-Wang for brunch
my Orange juice : )
this is the most awesome cheese omlette
Coconut Cake
Choco lava
so sweet *

after that we went to Malukkatayawa Palace
where we took many photos
Wan and Belle






all photo by Wan ^^

then we headed to Ploen Wan
ice chocolate

BELLE
Wan, our photographer






for out dinner we went to Yuu-Yen
my salad, cause i was vegetarian at that time
pak booungggggg
kai-toon+
kiew cheese

and for the end of the day we went to Cicada
a super chic market in Huahin ;)